ขาย ยาสอด ยาเหน็บ ยาทำแท้ง ยาขับเลือด Cytotec ของแท้ รับรองผล โทร.092-8426218 - ของแท้ รับรองผล โทร.092-7681838
ขาย ยาสอด ยาเหน็บ ยาทำแท้ง ยาขับเลือด Cytotec ของแท้ รับรองผล โทร.092-8426218 - ของแท้ รับรองผล โทร.092-7681838
original-cytotec-website

ท้องลม…ท้องหลอก เป็นยังไง

30 สิงหาคม 2019 by admin ไม่มีความเห็น

โบราณว่าไว้ว่าการตั้งครรภ์เป็นของขวัญอันล้ำค่าของบรรพชนที่ต้องการมีลูกน้อยไว้สืบสกุล แต่ไม่ใช่เสมอไปที่ทุกรายจะจบลงอย่างสมปรารถนา เมื่อหาหมอตรวจเข้าจริงๆ กลับพบว่าไม่ตั้งครรภ์ก็มี เหตุการณ์เหล่านี้พบได้บ่อยเหมือนกัน เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่เหล่านี้

ท้องลม

คุณผู้หญิงบางคนเมื่อประจำเดือนขาดหายไป อาจจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจสงสัยว่าน่าจะท้องอย่างที่หวัง ยิ่งเมื่อไปซื้อเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์จากปัสสาวะแล้ว พบว่า ท้องจริงก็ยิ่งดีใจมากขึ้น แต่เมื่อไปหาคุณหมอเพื่อฝากครรภ์ภายหลังการตรวจ กลับได้รับคำตอบว่ามีการตั้งครรภ์จริง แต่ไม่มีตัวเด็ก หรือที่เรียกกันว่า มี ภาวะไข่ฝ่อ (Blighted ovum) ฟังดูอาจรู้สึกสับสน งุนงงว่ามันคืออะไรกัน เกิดได้อย่างไร และจะต้องรักษาด้วยวิธีไหน
ภาวะไข่ฝ่อ (blighted ovum) หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ท้องลม จัดเป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้การตั้งครรภ์ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงครบกำหนดคลอด

ตามปกติภายหลังที่ไข่กับอสุจิมีการผสมกันแล้ว ก็จะมีพัฒนาการต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นทารก รก ถุงน้ำคร่ำ และเมื่อครบ 280 วัน ทารกก็จะคลอดออกมา คนบางคนไม่เป็นเช่นนั้น บางคนท้องแค่ 2-3 เดือน เด็กก็ไม่ยอมอยู่แล้ว และจะหลุดออกมาก่อนเวลาอันควร เหตุการณ์นี้เรียกว่า การแท้ง ที่แปลกกว่านี้ ก็คือ บางคนภายหลังไข่กับอสุจิมีการผสมกันแล้วก็จะมีพัฒนาการต่อไป แปลกที่ส่วนที่เป็นรกและถุงน้ำเจริญต่อไปได้ แต่ส่วนเป็นทารกกลับไม่ยอมเจริญเติบโตต่อ บางรายก็ไม่มีตัวเด็กให้เห็นเลย ในขณะที่บางคนเห็นตัวเด็ก แต่ถ้าตรวจซ้ำจะเห็นตัวเด็กเล็กลง และเสียชีวิตค้างในถุงน้ำคร่ำ ภาวะที่ไม่เห็นตัวเด็กเลย เราเรียกว่า ภาวะไข่ฝ่อ หรือท้องลม คุณแม่ที่มีภาวะนี้ส่วนมากจะมีเลือดออกและแท้งออกมาในที่สุด แต่บางคนก็ค้างอยู่นานถ้าไม่ตรวจก็อาจจะไม่รู้

ที่มา…ท้องลม

การที่ไข่ภายหลังการผสมไม่เจริญเติบโตต่อ ก็เหมือนกับไข่เป็ดไข่ไก่ที่ไม่สามารถฟักออกมาเป็นตัวนั่นเอง สาเหตุที่พบบ่อย คือ ไข่หรืออสุจิที่มาผสมกันไม่แข็งแรงพอ หรือมีคุณภาพไม่ดีพอ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการต่อไปได้ สาเหตุของความไม่แข็งแรงหรือคุณภาพที่ไม่ดีของไข่ หรืออสุจิมีมากมาย อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก เครียด รับประทานอาหารไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีโรคบางชนิดที่ยังไม่ได้รับการตรวจอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติของไข่ หรืออสุจิก็เป็นได้

การจะสรุปว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแน่ บางครั้งก็บอกยาก เพราะสาเหตุบางอย่างก็ยังไม่รู้จะตรวจอย่างไร เช่น ทำงานหนักแค่ไหนถึงจะเกิดปัญหานี้ การตรวจลักษณะทางกรรมพันธุ์ของไข่กับอสุจิก็ทำยากมาก ส่วนมากเราจะใช้การคาดคะเนกันเป็นส่วนมากว่าถ้ามีปัจจัยใดที่คิดว่าอาจเป็นสาเหตุได้ ก็ควรจะรักษาหรือแก้ไขเสีย 

การรักษา

การรักษาภาวะไข่ฝ่อ ทำง่ายมาก เพียงขูดมดลูกเอาถุงน้ำคร่ำที่ผิดปกตินี้ออกให้หมดเท่านั้น
หลายคนคงอยากถามว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ซ้ำได้ไหม คำตอบก็คือ ยังไม่มียาหรือวิธีการรักษาอะไรที่ชัดเจนในการที่จะป้องกันภาวะนี้ วิธีที่ดีที่สุด คือ การดูแลรักษาตัวเอง ด้วยการรับประทานอาหารที่ดี ได้สัดส่วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เหมาะสม ไม่ทำงานหักโหมเกินไปและพักผ่อนให้เพียงพอ

ท้องหลอก
คุณผู้หญิงบางคนอาจมาพบคุณหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากประจำเดือนขาดหายไป ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน บางคนอาจรู้สึกเหมือนมีลูกดิ้นๆ อยู่ในท้อง และรู้สึกว่าท้องโตขึ้น ปัสสาวะบ่อยด้วย บางรายอาจให้ข้อมูลด้วยว่าแต่งงานมานานอยากมีลูกแต่ไม่มีสักที จากอาการที่เล่าข้างต้นค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองน่าจะตั้งครรภ์
แต่เมื่อไปพบคุณหมอตรวจร่างกาย กลับแจ้งว่า ท้องไม่โต คลำมดลูกไม่ได้ ฟังที่ท้องได้ยินแต่เสียง เคลื่อนไหวของลำไส้ และเมื่อตรวจอัลตราซาวนด์ก็พบแต่มดลูก ซึ่งไม่มีลักษณะของการตั้งครรภ์ให้เห็นแต่อย่างใด หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่อาการบ่งบอกว่าน่าจะท้องแล้ว

อาการที่คุณผู้หญิงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองตั้งครรภ์ ทั้งที่ความจริงไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นนั้น เรียกว่า …ท้องหลอก… หรือทางการแพทย์เรียกว่า spurious pregnancy หรือ pseudocyesis ซึ่งจัดเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง
ผู้ป่วยส่วนมากจะมาเล่าอาการมากมายให้คุณหมอ ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเกิดจากการตั้งครรภ์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย คัดตึงเต้านม ประจำเดือนขาด บางรายรู้สึกว่ามีลูกดิ้นในท้อง หรือ อาจคลำได้ก้อนในท้องซึ่งคิดว่าเป็นมดลูกด้วยซ้ำ

ที่มา…ท้องหลอก

สาเหตุของท้องหลอก หรือไม่มีการตั้งครรภ์จริง เกิดจากสภาพทางจิตใจเป็นหลัก ผู้หญิงกลุ่มนี้มักจะเครียดเพราะอยากมีลูก แต่ไม่มีสักที รักษามาก็ทั้งบ่อยทั้งนาน หมดเงินทองไปก็ตั้งมากแต่ก็ยังไม่ท้องสักที ความเครียดที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ต่อมใต้สมองสร้างฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่ พอถูกกระตุ้น รังไข่ก็จะสร้างฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งไปกระตุ้นมดลูกทำให้ผนังมดลูกหนาตัวและไม่มีประจำเดือน ผู้หญิงกลุ่มนี้อยากท้องอยู่แล้ว พอไม่มีประจำเดือนก็อุปาทานว่าตัวเองตั้งครรภ์ เลยรับประทานอาหารบำรุงใหญ่ ทำให้อ้วนหรืออ้วนมากเกินไปด้วยซ้ำ ซึ่งความอ้วนที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้น ไขมันที่ว่าสามารถสร้างฮอร์โมนไปทำให้ไม่มีประจำเดือนได้เช่นกัน เมื่อแพทย์ตรวจมดลูกโดยเฉพาะการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ก็จะไม่พบการตั้งครรภ์แต่อย่างใด สำหรับอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย รู้สึกว่ามีลูกดิ้นในท้อง หรือบางคนอาจคลำได้ก้อนในท้องซึ่งคิดว่าเป็นมดลูกล้วนแต่เป็นอุปทานทั้งสิ้น

การรู้สึกเหมือนเด็กดิ้นเกิดจากการบีบตัวของลำไส้ การปัสสาวะบ่อยเป็นเรื่องของจิตใจที่แล้วแต่ใครจะวิตกกังวลเรื่องการถ่ายปัสสาวะมากน้อยแค่ไหน ส่วนรายที่คิดว่าคลำมดลูกได้ ส่วนมากเกิดจากผนังหน้าท้องที่หนามาก หรือท้องอืดมากจากลมในลำไส้

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะสรุปว่า ท้องหลอกเกิดจากภาวะจิตใจ แพทย์อาจต้องตรวจวินิจฉัยให้ละเอียดเสียก่อน เพราะมีโรคหรือความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ หรืออาการแสดงให้เห็นคล้ายๆ กับการตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกัน เช่น โรคของต่อมใต้สมองที่มีการสร้างฮอร์โมนบางชนิดมากเกินไป แต่พวกนี้มักมีน้ำนมไหลร่วมด้วย บางรายอาจจะมีอาการเพราะรับประทานยารักษาโรคบางอย่าง เช่น ยากันชัก หรือยานอนหลับบางชนิดเข้าไป

การรักษา

จริงๆ แล้วผู้ป่วยพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้การรักษา เพียงแต่ให้กำลังใจ คำแนะนำ และการดูแลรักษาทางจิตใจ พบว่าส่วนมากสามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วโดยไม่ต้องใช้ยา ยกเว้นกรณีที่ผู้ป่วยมีความเครียดและวิตกกังวลมาก ก็อาจต้องให้ยาคลายความวิตกกังวล

ท้ายนี้ขอฝากความปรารถนาดีให้คุณแม่ทั้งหลายนำไปปฏิบัติ เพื่อการตั้งครรภ์ที่ดี ไม่มีภาวะท้องลมท้องหลอกเกิดขึ้น เพียงท่านดูแลร่างกายให้สดชื่น สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญแรก ๆ ทั้งใส่ใจสุขภาพจิตไม่ให้เครียดจนเกินไป ก็จะทำให้คุณแม่มีการตั้งครรภ์ที่ดี ดำเนินการตั้งครรภ์อย่างปกติ และลงเอยด้วยการคลอดที่ปลอดภัย

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

มีเพศสัมพันธ์ให้ถูกวิธีอย่างปลอดภัย

by admin ไม่มีความเห็น

มีเซ็กซ์อย่างไร ปลอดภัย ไม่ท้อง ความกังวลใจถึงผลที่จะตามมาของการมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นทั้งหญิงและชาย แต่ปัญหานี้ดูจะตกหนักที่ผู้หญิงมากกว่า สิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกังวลนั้นเป็นเรื่อง “ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ” มากกว่าที่จะกลัวการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอน ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องท้องไม่ใช่ปัญหาเดียวที่สำคัญ เพราะการติดโรคทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเอดส์ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย และประเด็นหลังนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆ กัน ถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีเชื้อก็สามารถที่จะติดต่อไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเราและคู่ และยังช่วยทำให้ไม่ต้องกังวลใจหรือเป็นทุกข์ใจทั้งเรื่องท้องและการติดโรค นั่นก็คือ การใช้ “ถุงยางอนามัย” เป็นที่รู้กันว่าอุปกรณ์คุมกำเนิดส่วนใหญ่นั้น ผลิตขึ้นโดยมุ่งไปที่ผู้หญิงเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ด ยาฉีดคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มุ่งไปที่การป้องกันท้องแต่ไม่สามารถป้องกันเอดส์ ในขณะที่ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์การคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่งและ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ปลอดภัย จากการติดโรคเอดส์ได้มากที่สุดและยังป้องกันท้องได้อีกด้วย แต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนไม่สนใจและให้คุณค่ากับมันน้อยเกินไปจนลืมนึกถึงความคุ้มค่า และความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง หรือแม้แต่ผู้ชายเองก็มักจะไม่ค่อยนิยมชมชอบมันสักเท่าไร เพราะยังไปติดอยู่กับเรื่องไม่เป็นธรรมชาติ ถึงเวลานี้แล้ว โลกก็หมุนเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว พวกเราคนรุ่นใหม่น่าจะหันกลับมาคิดกันใหม่ดีไหมว่า “ถุงยางอนามัย” เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องพูดคุยและช่วยกันเตรียมไว้ เพราะการมีเซ็กซ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องน่าอาย แถมยังทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีสุขภาพทางเพศที่ดีอีกด้วย

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

หลังข้างนอกจะท้องไหม

by admin ไม่มีความเห็น

หลั่งนอกก็อาจจะท้องได้

การมีเพศสัมพันธ์กันตามความเข้าใจของหลายคน คือการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง และต้องหลั่งน้ำอสุจิข้างในช่องคลอดเท่านั้น จึงจะทำให้ฝ่ายหญิงมีโอกาสท้องได้ ทำให้หลายคนเลือกการมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งข้างนอก เพราะคิดว่าป้องกันการท้องได้ แต่ความจริงคือ….การหลั่งข้างนอกขณะที่หญิงชายกำลังมีเซ็กซ์กัน เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับผู้ชายที่ต้องคอยควบคุมอารมณ์เมื่อกำลังจะถึงจุดสุดยอด เพื่อถอนอวัยวะเพศออกมาหลั่งนอกช่องคลอด โอกาสตั้งท้องยังคงเกิดขึ้นได้ค่อนข้างมาก เพราะในระหว่างการสอดใส่อวัยวะเพศนั้น ถึงน้ำอสุจิของผู้ชายยังไม่หลั่งออกมาแต่ก็จะมีน้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาก่อนหน้านั้น และอาจมีอสุจิปนออกมาด้วย ถึงจะมีปริมาณน้อยแต่ถ้าอสุจินี้แข็งแรงพอ และสามารถวิ่งผ่านไปผสมกับไข่ได้ก็ทำให้ผู้หญิงท้องได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ยังอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ทั้งกามโรคและเอดส์ได้อีกด้วย เพราะเชื้อเหล่านี้จะอยู่ในน้ำหล่อลื่น และเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างสัมผัสน้ำหล่อลื่นของกันและกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งมีเชื้อก็จะทำให้ติดต่อไปยังอีกฝ่ายหนึ่งได้ง่าย

นอกจากนั้น การตั้งครรภ์ยังอาจเกิดขึ้นได้ แม้ว่าเด็กสาวคนนั้นจะยังไม่เคยมีประจำเดือนมาเลยก็ตาม หรือแม้จะทำความสะอาดทั้งภายนอก และภายในหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือแม้ว่าฝ่ายหญิงจะไม่บรรลุจุดสุดยอดก็ตาม

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

การนับหน้า 7 หลัง 7

by admin ไม่มีความเห็น

หน้า7 หลัง7 เจ็บกันระนาว ผมไม่รู้ใครเป็นคนบัญญัติสูตรนี้ขึ้นมา มันสร้างความเจ็บปวดมาแยะแล้ว สักแต่ได้ยินมาแล้วก็เอามาใช้ ใช้โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร บางคนก็ว่าหลังจากรอบเดือนหมดแล้วก็นับหนึ่ง ” ก็..บอกว่า “หลัง” หลังก็ต้องหมดแล้วซิ ” ใช่เลยครับ…..ก็..เรียบร้อยยยย… ท้องซิครับ ความหมายที่แท้จริง 7 หน้าหมายความว่า 7 วันก่อนรอบเดือนจะมา 7 วัน หลังหมายความว่า 7 วันนับจากวันแรกที่รอบเดือนมา สมมุติว่ารอบเดือนมาวันที่ 10 11 12 13 7วันหน้า หรือ7วันก่อนคือวันที่ 3 4 5 6 7 8 9 7 วันหลัง คือวันที่ 10 11 12 13 14 15 16 กรณี 7วันหลัง ถ้าไม่มีการร่วมเพศในวันที่มีรอบเดือน ก็แปลว่าจะมีวันที่มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยแค่ไม่กี่วัน ถ้ามีรอบเดือน 3 วัน ก็มีวันปลอดภัยเหลือ 4วัน ถ้ารอบเดือนมา 5 วันก็จะมีวันปลอดภัยเหลือ 2 วัน ตรงไปตรงมา (ถ้าคุณจะฝ่าไฟแดงก็สามารถทำได้ แต่ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่มีอันตรายอะไร) กรณี7วันหน้า หรือ7วันก่อน ก็แปลว่าคุณต้องรู้ว่าจะมีรอบเดือนคราวต่อไปเมื่อไหร่ คุณจึงสามารถกะได้ว่า 7 วันนั้นคือวันที่เท่าไหร่ สมมุติว่าคุณสามารถกะได้ว่ารอบเดือนคุณจะมาเดือนหน้าวันที่ 13 คุณก็รู้ได้ว่าวันปลอดภัยคือวันที่ 6 7 8 9 10 11 12 ดังนั้นพอถึงวันที่ 6 คุณก็รู้ว่าถึงวันปลอดภัยแล้ว มีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ต้องกังวลใจว่าจะตั้งครรภ์ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเดือนหน้ารอบเดือนจะมาเมื่อไหร่การนับวันปลอดภัยนี้ใช้ได ้เฉพาะคนที่มีรอบเดือนมา “สม่ำเสมอ” เท่านั้น เช่น คนหนึ่งมีระยะรอบเดือน28วัน ก็แปลว่าทุกๆ 28 วันก็จะมีรอบเดือนครั้งหนึ่ง เช่น รอบเดือนมาวันแรกวันที่ 20 กันยายน นับมาอีก 28 วัน ครบ28 วันตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม พอวันที่18 ตุลาคมรอบเดือนก็จะมา เดือนหน้านับไปอีก 28วัน ก็จะครบ28วันตรงกับวันที่14 พฤศจิกายน รอบเดือนก็จะมาวันที่ 15 พฤศจิกายน อย่างนี้เรียกว่ารอบเดือน”มาสม่ำเสมอ” หรือ”มาตรงกำหนด” (แต่ไม่ตรงวันที่ของปฎิทิน] หรืออีกคนมีระยะรอบเดือน 32 วัน ก็แปลว่าทุกๆ 32 วันจะมีรอบเดือนมาครั้งหนึ่ง เช่น รอบเดือนมา วันที่ 11 เมษายน นับมาอีก 32วัน จะครบวันที่ 12 พฤษภาคม ดังนั้นวันที่ 13 พฤษภาคมรอบเดือนก็จะมา คนๆนี้ก็สามารถคาดได้ว่าเดือนมิถุนายน รอบเดือนจะมาวันที่ 14 มิถุนายน ช่วงปลอดภัยของเธอคือ 7 8 9 10 11 12 13 มิถุนายน กรณีที่รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถใช้วิธีนับวันปลอดภัยได้ อย่างบางคน รอบเดือนมาสะเปะสะปะ เดือนก่อนโน้น มาวันที่ 15ของปฏิทิน เดือนต่อมามาวันที่ 12 แล้วเดือนต่อมามาวันที่ 19 หรือเอาแน่นอนไม่ได้ มาบ้างไม่มาบ้าง อย่างนี้จะใช้วิธีนับวันปลอดภัยไม่ได้ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในวันมีรอบเดือนจะปลอดภัยไหม โดยปกติก็ปลอดภัย ถ้ารอบเดือนคุณไม่มามากกว่าคราวละ 7วัน ถ้ามีเพศสัมพันธ์เลย 7วันหลังไปวันสองวันจะปลอดภัยไหม กรณีนี้ต้องอธิบายยาวหน่อย สิ่งแรกที่คุณต้องทราบก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีไข่สุกแล้วไม่มีการปฏิสนธิ อีก 14 วันรอบเดือนก็จะมา สมมุติว่าไข่ตกวันที่ 12 มิถุนายน แล้วไม่มีเพศสัมพันธ์กันเลย วันที่ 26 มิถุนายน รอบเดือนก็จะมา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไข่จะตกเมื่อไหร คนที่รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาสะเปะสะปะ มาบ้างไม่มาบ้าง เอาแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่มีทางคำนวนได้ แต่ถ้ารอบเดือนมาสม่ำเสมอ คุณกะวันที่รอบเดือนจะมาคราวหน้าได้ คุณก็สามารถกะวันไข่ตกได้ เช่น ระยะรอบเดือนของคุณมาทุก 26 วันแน่นอน ครบ 26 วันก็มา อย่างนี้คุณก็สามารถกะวันรอบเดือนจะมาคราวหน้าได้ เช่น เดือน มิถุนายน รอบเดือนมาวันที่ 11 นับไปอีก 26 วัน ก็ตรงกับวันที่ 6กรกฏาคม ดังนั้นเดือนกรกฏาคม รอบเดือนควรมาวันที่ 7 นับถอยหลังมา 14 วัน ก็จะตรงกับวันที่ 23 มิถุนายน ก็คือวันไข่สุก นั่นคือวันไม่ปลอดภัยสุดๆ แต่การสุกของไข่ก็ไม่ได้เป๊ะๆ อย่างนั้น อาจสุกก่อนหน้านั้นสองวัน หรือหลังนั้นวันสองวันก็ได้ จึงต้องเผื่อไว้อีก 4 วัน คือวันที่ 21 22 24 25 ดังนั้นวันไม่ปลอดภัยจึงมี 5 วัน คือวันที่ 21 22 23 24 25 มิถุนายน แต่ไข่เมื่อสุกแล้วก็มีคุณสมบัติที่จะอยู่ผสมได้อีก 24 ชั่วโมง ดังนั้นวันไม่ปลอดภัยจึงมีเพิ่มมาอีก 1วัน คือวันที่ 26 (สมมุติว่ามีเพศสัมพันธ์วันที่ 26 ไข่สุกวันที่ 25 ก็ยังท้องได้) ดังนั้นวันไม่ปลอดภัยจึงเพิ่มมาอีก 1 วัน รวมเป็น 6 วันคือ 21 22 23 24 25 26 ยัง..ยังไม่หมดแค่นั้น เชื้ออสุจิเมื่อเข้ามาในตัวหญิงนั้นมีคุณสมบัติที่จะผสมกับไข่ได้อีก 48 ชั่วโมง ดังนั้นวันไม่ปลอดภัยจึงมีเพิ่มมาอีก 2 วัน คือวันที่ 19 20 (ถ้ามีเพศสัมพันธ์วันที่ 19 แล้วเกิดไข่สุกวันที่ 21 ก็ท้องได้ ) รวมแล้ววันไม่ปลอดภัยจึงมีเพิ่มมาเป็น 8 วัน คือวันที่ 19 20 21 22 23 24 25 26 จะเห็นได้ว่ากรณีนี้ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์เลย 7 วันหลังไป 2 วัน (รอบเดือนมาวันที่ 11 และ7 วันหลังคือ 11 12 13 14 15 16 17 ) คือวันที่19 ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ถ้าเกิดระยะรอบเดือนคุณยาว เช่น 33วันมาครั้ง (ดูตามปฏิทิน รอบเดือนจะเลื่อนออกไปทุกเดือน) กรณีนี้สบายใจได้หน่อย ยกตัวอย่างกรณีข้างต้น เป็นอีกคนที่มีระยะรอบเดือน 33 วัน รอบเดือนมาวันที่ 11 มิถุนายน คราวต่อไป(นับไปอีก 33 วัน) รอบเดือนก็จะมาวันที่ 14 กรกฏาคม ไข่คนนี้จะสุกวันที่30มิถุนายน (นับถอยหลังมา 14 วันจากวันที่ 14) วันไม่ปลอดภัย 8 วันนั้นคือ 26 27 28 29 30 มิถนายน 1 2 3 กรกฏาคม ดังนั้นถ้าคนนี้มีเพศสัมพันธ์วันที่ 19 (เลย 7วันหลังมา 2วัน) ก็ยังอุ่นใจว่า ยังห่างจากวันไม่ปลอดภัยแยะ ก็ไม่น่าตั้งท้อง จะเห็นได้ว่า คน สองคนมีเพศสัมพันธ์เลย 7 วันหลังไป 2 วันเหมือนกัน แต่โอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ต่างกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าระยะรอบเดือนของคนนั้นสั้นหรือยาว สรุป 1. ถ้ารอบเดือนคุณมาไม่ส่ำเสมอ ก็อาจมีเพศสัมพันธ์ช่วงมีรอบเดือนได้ค่อนข้างปลอดภัยถ้ามีรอบเดือนไม่เกิน 7วัน 2. ถ้าระยะรอบเดือนของคุณสั้น การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7วันหลังโดยเฉพาะวันท้ายๆก็หมิ่นเหม่ทีเดียว 3. การจะใช้วิธีนับวันปลอดภัย 7หน้า7หลัง ควรเป็นคนที่มีรอบเดือนมาส่ำเสมอ 4. หลังจาก “7วันหลัง” (นับจากวันแรกที่รอบเดือนมา) แล้ว ความปลอดภัยจะลดลงเรื่อยๆ จนถึง 8วันอันตรายที่ไม่ปลอดภัยคือช่วงเสี่ยงสุดๆ พอพ้น 8วันอันตรายไปแล้ว ความปลอดภัยก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น จนถึง 7วันก่อนรอบเดือนคราวหน้าจะมาก็จะเป็นช่วงปลอดภัยหายห่วงอีกครั้ง เมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว มีวารสารการแพทย์ฉบับหนึ่งได้รายงานการวิจัยหญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ 28 วัน จำนวนประมาณ 200 คน พบว่า ความรู้เดิมๆที่เราเคยเชื่อกันว่า มีไข่ตกในช่วง 8 วันอันตรายนั้นไม่จริงเสียแล้ว ถ้าเปรียบการตกไข่เหมือนฝนตกแล้ว ฝนจะตกชุกในช่วง8วันอันตรายส่วนวันอื่นๆก็อาจมีฝนตกได้บ้างเปาะแปะ รวมทั้ง 7วันแรกที่มีรอบเดือน และ 7 วันก่อนมีรอบเดือนก็อาจมีไข่ตกได้ อย่างไรก็ตามผู้รายงานสรุปว่า จำนวนตัวอย่างที่ทำยังน้อย คงต้องทำมากกว่านี้เพื่อหาคำอธิบายว่าทำไม่จึงเป็นอย่างนั้น สำหรับผมจึงอยากเตือนว่า การใช้วิธีนับวันนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก ถ้ายังไม่แต่งงานแล้วมีเพศสัมพันธ์ละก้อ ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ดีที่สุดครับ

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

เรียนรู้วางแผนครอบครัวอย่างถูกต้อง

by admin ไม่มีความเห็น
Extended family sitting outdoors smiling

การวางแผนครอบครัว แต่ในมุมของคนทั่วไปนั้น มักคิดว่า เป็นเรื่องของการ “คุมกำเนิด” เพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว การวางแผนครอบครัว คือ การที่คู่สมรสปรึกษาหารือกันวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะมีลูกหรือไม่มีลูก ถ้าตกลงกันว่าจะไม่มีลูกหรือจะหยุดมีลูกแล้วจะคุมกำเนิดด้วยวิธีใด หรือถ้าอยากมีลูกแล้วพร้อมจะมีลูกกันได้เมื่อไหร่ จะมีลูกกันกี่คน และจะมีลูกห่างกันปีกี่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณและลูกน้อยที่เกิดมานั้นมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีสุขภาพจิตดี อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ผู้เป็นพ่อแม่สามารถให้การศึกษา อบรมเลี้ยงดูลูกน้อยจนเติบใหญ่มีอาชีพการงานที่มั่นคงได้ และเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป

การวางแผนครอบครัว นั้นมีจุดสำคัญที่ต้องคิดไตร่ตร่องให้รอบคอบ 8 เรื่องด้วยกัน คือ

1.จุดเริ่มต้นของครอบครัว คู่รักจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนทางประเพณีที่เรียกว่า “การแต่งงาน” หรือไม่ผ่านก็ได้ แต่การแต่งงานหรือการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดีนั้นควรจะเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายชายและฝ่ายหญิงมีความพร้อมและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ช่วยกันทำมาหากินหรือสร้างหลักฐานครอบครัว

2. หน้าที่และการปรับตัว ความรักเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่ได้เป็นหลักประกันความสำเร็จในชีวิตคู่ได้ เพราะมันยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่างทั้ง การรู้จักเรียนรู้และยอมรับจุดอ่อนและจุดแข็งของกันและกัน, การมีความเข้าอกเข้าใจกัน การประนีประนอม และพร้อมที่จะให้อภัยกันและกัน รวมไปถึงการวางแผนล่วงหน้าทั้งด้านการงานและการเงินอย่างเหมาะสม สำรองค่าใช้จ่ายไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน และเก็บออมไว้บ้างเพื่ออนาคต ฯลฯ ในระยะเริ่มแรกของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คู่รักจะต้องปรับตัวเข้าหากัน ตกลงบทบาทหน้าที่กันภายในครอบครัวให้ชัดเจน และสามารถสลับบทบาทได้ยามจำเป็น

3. คิดให้ดีก่อนมีลูก ! ลองหยุดคิดและไตรตรองดูสักนิดว่าเรามีสิ่งต่อไปนี้แล้วหรือยัง ? อาทิ การมีหลักฐานที่มั่นคงพอที่จะเลี้ยงดูลูกน้อย ตลอดจนพร้อมที่จะให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกได้, การมีเวลาพอที่จะอบรมเลี้ยงดูน้อยด้วยความเอาใส่ใจใส่ เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นคนดี, การมีเวลาอยู่ด้วยกัน มีความเข้าใจกัน และถามฝ่ายหญิงว่าพร้อมที่จะมีลูกหรือยัง ซึ่งการมีลูกในขณะที่คู่สมรสยังไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดีพอ ก็อาจทำให้ลูกน้อยที่เกิดมามีปัญหาสุขภาพจิตได้ ฯลฯ

4. การเตรียมพร้อมทางด้านร่างกาย การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพจิตที่ดี คุณพ่อคุณแม่ที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ย่อมมีโอกาสคลอดลูกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การตรวจสุขภาพของทั้งสองฝ่ายก่อนแต่งงานหรือก่อนตั้งครรภ์ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย เพราะหากพบปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณหมอจะช่วยแก้ไขได้ทันท่วงทีหรือให้คำแนะนำได้ตามสมควร โรคประจำตัวบางโรคของคุณแม่นั้นก็มีผลต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างมาก และบางโรคอาจเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคลมบ้าหมู โรคไต โรคเบาหวาน โรคเอดส์ ฯลฯ สิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือการไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอะไรจะได้แก้ไขกันตั้งแต่ต้น ส่วนอีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงก็คือเรื่อง “น้ำหนักตัวของคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์”ไม่ควรอ้วนหรือผอมมากเกินไป และควรอยู่ในวัยที่เหมาะสมสำหรับการมีลูก เพราะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในวัย 35 ปีขึ้นไป จะค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการให้กำเนิดลูกที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์

5.การเตรียมพร้อมทางด้านอาชีพและที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยเป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ และเป็นเรื่องที่ครอบครัวจะต้องตกลงกันก่อนแต่งงานว่าหลังจากแต่งแล้วจะแยกมาอยู่กันลำพังเพียง 2 คน หรือจะย้ายไปอยู่กับครอบครัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลและความจำเป็นของทั้งสองฝ่าย ส่วนอาชีพการงานก่อนมีลูกก็ควรจะเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงพอประมาณ มีรายได้ที่แน่นอนและเพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัว

6. การวางแผนมีบุตรและเว้นระยะการมีบุตร เป็นการวางแผนร่วมกันของทั้งคู่ว่าพร้อมจะมีบุตรหรือยัง จะเริ่มมีบุตรกันเมื่อไหร่ ต้องการบุตรกี่คน แล้วจะเว้นระยะห่างการมีบุตรนานแค่ไหน คำถามเหล่านี้เป็นคำถามสำคัญที่ทั้งคู่ควรปรึกษาหารือและตกลงกันให้ชัดเจน ส่วนคุณแม่ที่อยากมีบุตรเพิ่มอีก ก็ควรจะเว้นช่วงการมีบุตรอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพของตนเองก่อนจะเริ่มตั้งครรภ์ครั้งต่อไป และยังมีเวลาเลี้ยงลูกคนก่อนได้อย่างเต็มที่ด้วยรักและเอาใจใส่

7. เตรียมตัวเป็นพ่อแม่ที่ดี เพื่อให้ลูกได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ พ่อและแม่ควรตกลงพร้อมใจที่จะมีลูกด้วยกัน และให้ลูกเกิดมาพร้อมความรักของทั้งสองคน พ่อและแม่ต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่พร้อมจะเป็นพ่อคนแม่คน แสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่รักเขามากขนาดไหน มีความรู้ในการอบรมเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี ฝึกลูกในทางที่เขาควรจะเป็น มีเวลาเพียงพอที่จะให้ความใกล้ชิดและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก รวมถึงการให้ลูกมีเวลาส่วนตัวบ้าง คอยเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการได้เสมอ และเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกที่พร้อมเผชิญปัญหาของลูกด้วยความเต็มใจ ฯลฯ

8.การคุมกำเนิด สำหรับคู่สมรสที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตรหรือมีบุตรเพียงพอแล้ว การวางแผนคุมกำเนิดถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เราสามารถเลือกมีลูกได้ตามความพร้อม หรือช่วยเว้นระยะเวลาการตั้งครรภ์ให้เหมาะสม การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีทั้งแบบถาวร คือ การทำหมันหญิง (การผูกและตัดท่อรังไข่) และการทำหมันชาย (การผูกและตัดท่อนำน้ำเชื้อ) และแบบชั่วคราวซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัย ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรายเดือน การฉีดยาคุมกำเนิด ใช้ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด วงแหวนคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เมื่อเราตอบคำถามครบทุกข้อแล้ว หารือร่วมกันแล้ว สิ่งคัญที่จะทำให้ครอบครัวมีความรักความอบอุ่น คือ การให้อภัยกันเข้าอกเข้าใจกัน สิ่งต่างๆเหล่าจะช่วยให้ชีวิตครอบครัวราบรื่นเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และอย่าลืมว่า สังคมจะดีได้ ต้องเริ่มจากครอบครัว

เรียบเรียงโดย

สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

ยาสตรี สตรีแบนโล ยาขับประจำเดือน พวกนี้ทำแท้งได้จริงไหม

by admin ไม่มีความเห็น

ยาสตรี ยาสตรี เป็น ยาแผนโบราณ สรรพคุณคือ บำรุงเลือด บำรุงร่างกาย เจริญอาหาร แก้ประจำเดือนไม่ปกติและเป็นยาแทนการอยู่ไฟ ขับน้ำคาวปลา ช่วยฟอกโลหิต ตำรับยานี้เป็นจัดเป็นยาแผนโบราณที่ไม่ได้เป็นยาสามัญประจำบ้าน ดังนั้นจะต้องวางขายในร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นส่วนประกอบหลักของยาสตรีมีอยู่สองส่วน คือสมุนไพรโกฏเชียง หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ตังกุย กับแอลลกอฮอล์ แอลกอฮอร์ที่มีอยู่เพื่อไว้เป็นตัวสกัดตัวยาออกมา ตัวยาที่ว่าคือ ไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) Estrogen เอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนเพศหญิงซึ่งร่างกายเราผลิตจากรังไข่ รก หรือต่อมอะดรีนาล estradiol ซึ่งเป็นหนึ่งในเอสโตรเจนหลักๆ 3 ชนิดที่พบในร่างกายมนุษย์ ฮอร์โมนกลุ่มนี้มีผลโดยตรงต่อการแสดงลักษณะ ของเพศหญิง นับตั้งแต่การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ มีประจำเดือน ตกไข่ ตั้งท้อง ไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน estradiol มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของเนื้อเยื่อปากมดลูก มดลูกและเต้านม phytoestrogen Phytoestrogen เป็นสารอินทรีย์ซึ่งสร้างขึ้นโดยพืช แต่มีคุณสมบัติเช่นเดียวฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่าเอสโตรเจน สารเหล่านี้พบได้ทั้งในส่วนเมล็ด ลำต้น รากหรือดอก โดยในพืช สารนี้จะทำหน้าที่เป็นสารฆ่า เชื้อรา (fungicide) หรือเป็น phytoalexin นั่นคือเป็นสารเคมีที่พืชสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตน เองเมื่อถูกรุกรานโดยจุลชีพphytoestrogen จะมีบางส่วนของสูตรโครงสร้างคล้ายคลึงหรือเทียบได้กับ steroid nucleus ของ estradiol อันเป็นเอสโตรเจนที่พบในธรรมชาติหรือในร่างกายมนุษย์ ดังนั้นเมื่อกินยาชนิดนี้แล้ว ก็จะมีผลเช่นเดียวกับ estrogen ต่อร่างกาย และสารเหล่านี้อาจเข้าไปมีผลป้องกันหรือปรับเปลี่ยนภาวะความผิดปกติของร่างกาย หรือการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งบางชนิด โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับอาการหลังการหมดประจำเดือน(menopausal symptoms) ได้อีกด้วย การออกฤทธิ์ของไฟโตรเอสโตรเจน ไฟโตรเอสโตรเจนออกฤทธิ์ได้ทั้งเสริมและต้านเอสโตรเจน ในกรณีที่มีเอสโตรเจนในร่างกายมากเกินไป ไฟโตรเอสโตรเจนจะไปจับกับตัวรับของเซลล์ (receptor)ของเอสโตรเจน เกิดการยับยั้ง การทำงานและต้านการออกฤทธิ์ของเอสโตรเจน (anti-oestrogenic effect) ในขณะที่เมื่อร่างกายเกิด การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ในหญิงวัยหมดประจำเดือน ไฟโตรเอสโตรเจนจะไปจับกับตัวรับของเซลล์เอสโตรเจน และออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน (2) จึงเชื่อว่า ไฟโตเอสโตรเจนอาจจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งที่สัมพันธ์กับฮอร์โมน และโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้พอๆกับการลดอาการหลังการหมดประจำเดือน ปัจจุบันจึงกล่าวถึง phytoestrogen อย่างกว้าง ขวาง เนื่องจากโครงสร้างและการออกฤทธิ์ที่คล้าย estrogen ดังกล่าวการที่ได้รับสารอาหารธรรมชาติชนิดนี้ จึงน่าจะมีบทบาทในการรักษา อาการที่เกิดขึ้น ในช่วงวัยหมดระดู รวมถึงการปกป้องการเกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือดรวมถึงโรคกระดูกพรุน นอกจากนั้นพบว่าประชากรที่มีวิถีชีวิตการกินอยู่ที่สัมพันธ์กับ phytoestrogen อย่างแนบแน่น เช่น กลุ่มที่รับประทานมังสวิรัติ , ประชากรในแถบเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่น พบว่ามีอัตราการเกิดโรคหัวใจ และมะเร็งต่ำ ปริมาณที่ควรได้รับ ปริมาณไฟโตรเอสโตรเจนที่ควรได้รับจากอาหาร คือ 30 ? 50 มิลลิกรัม (3) ประมาณได้ อย่างคร่าวๆ ดังนี้ – นมถั่วเหลือง 250 ซีซี ? 15-60 มิลลิกรัม – เต้าหู้ 1 ก้อน (115 กรัม) ? 13-43 มิลลิกรัม – โยเกิรต์เต้าหู้ (200 กรัม) ? 26 มิลลิกรัม

จากข้อมูลเบื้องต้นทำให้สรุปได้ว่า ยาสตรี เป็นเพียงยาบำรุงเลือด บำรุงโลหิตระหว่างมีประจำเดือน ส่วนประกอบของยามีแอลกอฮอร์ จึงทำให้เลือดลมสูบฉีดดีเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำให้เกิดการแท้งแต่ประการใด ผลข้างเคียงเท่านั้นที่ทำให้เกิดภาวะแท้ง และจะเกิดแค่เฉพาะบางคนเท่านั้น

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

ยาคุมกำเนิด ยาคุม ไดแอน ฮอร์โมน

by admin ไม่มีความเห็น

ยาคุมกำเนิด ©Stephen Meddle/Rex Features/All Over Press ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติมีจำหน่ายในท้องตลาดมากว่า 30 ปีเช่นยี่ห้อไดแอน โดยประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์สองประเภท ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ฮอร์โมนทั้งสองชนิดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ผลิตเลียนแบบฮอร์โมนจากรังไข่ ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่ต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้ยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับคุณและเขียนใบสั่งยาให้ ยาเม็ดคุมกำเนิดขัดขวางการตกไข่และทำให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวลงในผนังมดลูกได้ ยาเม็ดคุมกำเนิดมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อซื้อยาเม็ดคุมกำเนิด หญิงอายุเกิน 35 ปีและสูบบุหรี่ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด รวมทั้งผู้หญิงที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม โรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงทางตับ

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ postinor

by admin ไม่มีความเห็น

ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อแผนการคุมกำเนิด ผิดพลาด เช่น ถุงยางรั่ว ลืมกินยา เกินสองวัน นับวันผิด ฯลฯ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ตั้งใจ หรือถูกข่มขืน “ยาคุมฉุกเฉิน” อาจนับเป็นทางเลือกที่ดี แต่ในกรณีที่ นอกเหนือไปจากนี้ หากทางเลือกของคุณ ยังคงเป็น ยาคุมฉุกเฉินมีเรื่องอีกมาก ที่คุณต้องรู้ “ทุกวันนี้ บ้านเราต้องเผชิญกับ ความสูญเสีย จากการทำแท้ง ปีละ มากมายมหาศาล ถ้าเราเอาตัวเลข การทำแท้ง ที่พูดกัน ตั้งแต่เมื่อ ๒๐ ปีก่อน ปีละ ๓ แสนคน คูณค่าใช้จ่ายคนละ ๑ หมื่นบาท ก็เป็นเม็ดเงินถึงปีละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท ตัวเลขนี้ ยังไม่รวมถึง ความเสี่ยง ที่ผู้หญิง ต้องเผชิญ กับปัญหา ความไม่ปลอดภัย จากการทำแท้ง ความบอบช้ำ ทางร่างกาย และจิตใจ ที่ประเมินค่าไม่ได้ ดิฉันคิดว่า ถ้าหาก เราให้ความรู้เรื่อง วิธีการใช้ ยาคุมฉุกเฉิน อย่างถูกต้อง ก็น่าจะเป็นทางออกหนึ่ง ของผู้หญิง ที่ไม่พร้อม จะตั้งครรภ์ และไม่ต้องการ ทำแท้ง” ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นยา ที่มีส่วนประกอบ เหมือนยาคุมกำเนิด แบบธรรมดา แต่มีปริมาณยา มากกว่า มีสองแบบ คือ แบบฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งมี ฮอร์โมนโปรเจสติน เพียงอย่างเดียว และแบบฮอร์โมนผสม ซึ่งประกอบด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสติน รวมกัน แบบฮอร์โมนเดี่ยว มีข้อดีคือ มีประสิทธิภาพ ในการป้องกัน การตั้งครรภ์ได้ ๘๕ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่า แบบฮอร์โมนผสม ซึ่งมี ประสิทธิภาพ เพียง ๗๕ เปอร์เซ็นต์ และมีผลข้างเคียง (เช่น คลื่นไส้อาเจียน) น้อยกว่า ในตลาดยาบ้านเรา มีเฉพาะ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน แบบฮอร์โมนเดี่ยว อาจารย์กฤตยา อธิบายกลไกการทำงาน ของยาคุมฉุกเฉินว่า “ยาคุมตัวนี้ จะเข้าไปขัดขวาง การตกไข่ หรือทำให้ การตกไข่ช้า ไปกว่าเดิม และอาจมีผล ทำให้เนื้อเยื่อ ของผนังมดลูก ที่กำลังก่อตัวหนาขึ้น เพื่อเตรียมรับการฝังตัวของไข่ อ่อนแอลง รวมทั้ง มีผลอื่น ๆ ที่จะไปขัดขวาง การผสมระหว่างไข่ กับอสุจิโดยตรง พูดง่าย ๆ ว่ามันจะทำงาน ตั้งแต่ตัวอ่อน ยังไม่เกิด ถ้าตัวอ่อนเกิดแล้ว มันจะไม่ไปขัดขวาง การพัฒนา ของตัวอ่อนเลย ดังนั้น ยาตัวนี้ จึงไม่ใช่ยาทำแท้ง” โดยทั่วไป เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น คุมกำเนิดผิดพลาด ถูกข่มขืน ฯลฯ ผู้ใช้ จะต้องกินยาเม็ด คุมกำเนิดฉุกเฉิน เม็ดแรกภายใน ๗๒ ชั่วโมง หรือภายในสามวัน และกินเม็ดที่ ๒ หลังจากนั้นอีก ๑๒ ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้ ได้รับการยืนยัน ผลจากงานวิจัย ในหลายประเทศ ว่าสามารถ ป้องกันการตั้งครรภ์ ได้ถึง ๗๕-๘๕ เปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหา ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็คือ ได้มีผู้หัน มานิยมใช้ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน แทนการคุมกำเนิด แบบปรกติ ซึ่งวิธีดังกล่าว เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ทั้งยังเป็นอันตราย ต่อผู้ใช้มากกว่า ที่สำคัญ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้ เกี่ยวกับ การใช้ยาเม็ด คุมกำเนิดฉุกเฉิน มากพอ และข้อมูล ในใบกำกับยา เองก็ยังเป็นปัญหา การตั้งครรภ์ ไม่พึงประสงค์ และปัญหาสุขภาพ ด้านอื่น ๆ จึงเกิดขึ้นตามมา นอกจาก การกินยาเม็ด คุมกำเนิดฉุกเฉิน แล้ว วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉิน อีกแบบหนึ่ง ที่ใช้ได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น คือ การกินยาคุม แบบธรรมดา แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น อาจารย์รวงทิพย์ ธัญพิสิฐ จากภาควิชา เภสัชศาสตร์สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึง วิธีกินยา แบบนี้ว่า “ตามปรกติ ยาคุมแบบธรรมดา จะมีฮอร์โมน อยู่ในระดับต่ำ แต่สามารถ ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยต้องกินทุกวัน ถ้าต้องการกิน เพื่อคุมกำเนิด แบบฉุกเฉิน จะต้อง เพิ่มปริมาณยา เป็นสอง หรือสามเม็ด เพื่อให้ ปริมาณฮอร์โมน สูงเท่า ๆ กับ ยาคุมฉุกเฉิน แบบเม็ดเดียว แต่ผู้ใช้ยา ควรศึกษา ให้ดีก่อน เพิ่มปริมาณยา เพราะ ยาคุมแบบธรรมดา แต่ละยี่ห้อ มีปริมาณฮอร์โมน ในยาแต่ละเม็ด ไม่เท่ากัน” ปัญหาที่น่าเป็นห่วง ในขณะนี้ คือ จำนวนผู้ใช้ยา ผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่ได้ใช้ ในกรณีฉุกเฉิน เพิ่มมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด จากงานวิจัย ของ สงวน ลือเกียรติบัณฑิต ซึ่งทำการสอบถาม ผู้ใช้ยา จำนวน ๖๐ คน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ใช้ยาเฉลี่ย เดือนละ ๓.๖ เม็ด ซึ่งแสดงว่า กลุ่มตัวอย่าง ใช้ยา อยู่เป็นประจำ ไม่ได้ใช้ ในกรณีฉุกเฉิน ตามที่ควรจะเป็น นายแพทย์มงคล ณ สงขลา กล่าวถึงสถานการณ์การใช้ยาคุมฉุกเฉินในปัจจุบันว่า “เพื่อนหลายคน ที่เปิดร้านขายยา เล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้ มีคนใช้ยาตัวนี้ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ ในหมู่วัยรุ่น ที่น่าตกใจ ก็คือ คนซื้อกลับเป็นผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่คนกิน ส่วนผู้หญิง ซึ่งเป็นคนกิน กลับไม่ได้ซื้อ” สาเหตุหนึ่ง ที่ผู้ชายจำนวนมาก หันมาซื้อ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ให้คู่นอนของตน มาจากทัศนคติไม่ดี เกี่ยวกับถุงยางอนามัย ที่ว่า “ใช้แล้วไม่เป็นธรรมชาติ” หรือ “ถุงยาง เหมาะสำหรับโสเภณี” บ้างก็อ้างว่า ถุงยางอนามัย เป็นสัญลักษณ์ ของความไม่ไว้เนื้อ เชื่อใจกัน แต่จากประสบการณ์ ของอดีตนักเที่ยว ซึ่งเข้าร่วมสัมมนา ครั้งนี้ด้วย พบว่า เหตุผลหนึ่ง ที่ผู้ชาย นิยมใช้วิธีนี้ ก็คือ สะดวกดี ผลจากทัศนคติดังกล่าว ผู้หญิง จึงตกอยู่ในอันตราย โดยไม่รู้ตัว เพราะ การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน บ่อยครั้ง ทำให้ผู้หญิงได้รับฮอร์โมน บางตัวสูงเกินไป ซึ่งก่อให้เกิด ผลข้างเคียง มากมาย และการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ใช้ ถุงยางอนามัย ยังทำให้เสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอดส์ ง่ายขึ้นด้วย ผู้เข้าร่วมสัมมนา ท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์ จากการทำงาน กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในโรงงานให้ฟังว่า “เดี๋ยวนี้ แฟชั่นยอดฮิต ของผู้ชาย ในโรงงาน คือ พกยาคุมฉุกเฉิน ติดกระเป๋า ตลอดเวลา เขาบอกว่า เพศสัมพันธ์ เกิดขึ้นได้ โดยไม่คาดฝัน ไม่เลือกสถานที่ และไม่เลือกเวลา ดิฉันถามเขาว่า เวลาให้ผู้หญิงกิน พูดว่าอย่างไร เขาบอกว่า จะอ้างว่า เป็นยาบำรุง พอให้กิน บ่อยครั้งผู้หญิงเริ่มสงสัย ก็เปลี่ยนเป็น ใช้วิธีอื่นแทน” จากกลุ่มศึกษาปัญหายา กล่าวถึงผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้น กับผู้ใช้ยาว่า “งานวิจัย เมื่อปีที่แล้ว ได้ผลออกมาว่า ยาตัวนี้ มีผลข้างเคียงมากมาย ทั้งคลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว ประจำเดือนมามาก หรือน้อยเกินไป ซึม ง่วง ท้องเสีย ทั้งยังพบว่า มีอัตราเสี่ยงที่จะเกิด มะเร็งเต้านมด้วย ผู้หญิง ที่กินยาตัวนี้ มากเกินไป อาจเป็นอันตราย อย่างคาดไม่ถึง เพราะยาตัวนี้ ผลิตขึ้นมา สำหรับกรณีฉุกเฉิน ไม่ใช่สำหรับ ใช้เป็นประจำ″ แนวทางการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับเม็ดยาคุมกำเนิดฉุกเฉินว่า ควรเรียกร้อง ให้สำนักงาน คณะกรรมการ อาหาร และยา แก้ไข ใบกำกับยา ให้ถูกต้อง โดยเร็วที่สุด และองค์กร ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ กระทรวง สาธารณสุข องค์กรพัฒนาเอกชน ร้านขายยา และสื่อมวลชน จะต้องช่วยกัน เผยแพร่ข้อมูล ที่ถูกต้อง สู่ประชาชน เพื่อลดอันตราย จากการใช้ยาพร่ำเพรื่อ รวมทั้งเผยแพร่ ยานี้ให้เป็นที่รู้จัก ในฐานะ ที่เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้หญิง ที่ไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่อยู่ใน กรณีฉุกเฉินจริง ๆ

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

การคุมกำเนิด (Birth Control)

by admin ไม่มีความเห็น

การคุมกำเนิดมีวิธีการอยู่หลายวิธีที่สามารถใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แพทย์ ผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ นางผดุงครรภ์และพยาบาลสามารถให้คำแนะนำด้านการคุมกำเนิดกับคุณได้ โดยทุกคนที่ทำงานในสำนักงานแพทย์ คลินิกบริการด้านสุขภาพของรัฐ หรือโรงพยาบาลมีหน้าที่ในการเก็บรักษาความลับ

ถุงยาง
ถุงยางอนามัยสตรี
ยาฆ่าอสุจิ
ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน
ยาเม็ดคุมกำเนิด
แหวนใส่ช่องคลอด
แผ่นคุมกำเนิด
ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
ห่วงคุมกำเนิดประเภท Hormone coils
ยาฝังคุมกำเนิด

ห่วงคุมกำเนิดประเภท Copper coils
การทำหมัน
การคุมกำเนิดฉุกเฉิน
วิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือไม่ได้

ถุงยาง

ถุงยางคือปลอกยางเนื้อบางที่สามารถม้วนออกเพื่อครอบองคชาตขณะแข็งตัว ควรสวมถุงยางตลอดช่วงเวลาการร่วมเพศ ความน่าเชื่อถือของถุงยางจะมีมากขึ้น หากใช้ร่วมกับโฟมหรือครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางยังสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ ถุงยางมีจำหน่ายทั่วไป ทั้งในร้านอาหาร ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ถุงยางมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้ได้ถูกต้อง
ถุงยางอนามัยสตรี

ถุงยางอนามัยสตรีคือปลอกยางที่มีความยืดหยุ่นสำหรับสอดเข้าในช่องคลอดของผู้หญิง เพื่อปกปิดปากมดลูก ถุงยางอนามัยสตรีมีจำหน่ายในขนาดต่าง ๆ โดยแพทย์จะต้องเป็นผู้สวมใส่ให้ ควรใช้ถุงยางอนามัยสตรีร่วมกับครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางอนามัยสตรีสามารถสวมใส่ในตอนใดก็ได้ก่อนการร่วมเพศและควรสวมทิ้งไว้ เป็นเวลาอย่างน้อยหกชั่วโมงหลังการใส่ ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถใส่ถุงยางอนามัยสตรีได้ ถุงยางอนามัยสตรีและครีมฆ่าเชื้ออสุจิเป็นวิธีการในการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้หากสวมใส่ลงใน ช่องคลอดอย่างถูกต้อง

ยาฆ่าอสุจิ

ยาฆ่าอสุจิใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับการคุมกำเนิดหากใช้เพียงอย่างเดียว ผลิตภัณฑ์นี้ทำขึ้นเป็นครีม โฟม เยลลี่หรือยาสอด ยาฆ่าเชื้ออสุจิสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน

ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจนมีอยู่เพียงประเภทเดียวในตลาดนอร์เวย์ ยาเม็ดนี้ป้องกันการตกไข่ของผู้หญิง(เมื่อมีการผลิตไข่) เพื่อให้ยาเกิดประสิทธิภาพ จะต้องใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ยานี้ยังสามารถใช้กับหญิงให้นมบุตรได้ ยาตัวนี้มีความเชื่อถือได้ 100% หากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อหาซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจน

ยาเม็ดคุมกำเนิด

?Stephen Meddle/Rex Features/All Over Press ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติมีจำหน่ายในท้องตลาดมากว่า 30 ปี โดยประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์สองประเภท ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ฮอร์โมนทั้งสองชนิดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ผลิตเลียนแบบฮอร์โมนจากรังไข่ ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่ต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้ยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับคุณและเขียนใบสั่งยาให้ ยาเม็ดคุมกำเนิดขัดขวางการตกไข่และทำให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวลงในผนังมดลูกได้ ยาเม็ดคุมกำเนิดมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อซื้อยาเม็ดคุมกำเนิด

หญิงอายุเกิน 35 ปีและสูบบุหรี่ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด รวมทั้งผู้หญิงที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม โรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงทางตับ

แหวนใส่ช่องคลอด

แหวนใส่ช่องคลอดเป็นวงแหวนอ่อนนุ่มที่มีความยืดหยุ่นสามารถสวมลงในช่องคลอดได้ด้วยตัวเอง แหวนใส่ช่องคลอดประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณที่น้อยกว่ายาเม็ดคุมกำเนิด แหวนใส่ช่องคลอดจะค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมา ควรใส่แหวนช่องคลอดทิ้งไว้ในช่องคลอดเป็นเวลาสามสัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยถอดและสวมแหวนใหม่หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แหวนใส่ช่องคลอดช่วยป้องกันการตกไข่ แหวนนี้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย สามารถหาซื้อแหวนใส่ช่องคลอดได้จากร้ายขายยาโดยต้องมีใบรับรองแพทย์ นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะไม่สามารถใช้แหวนคุมกำเนิดได้เช่นกัน

แผ่นคุมกำเนิด

แผ่นคุมกำเนิดจะมีปริมาณเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในระดับเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิดแต่

โดสการใช้ยาต่ำที่สุด ฮอร์โมนจะถูกปล่อยออกมาผ่านทางผิวหนัง แผ่นคุมกำเนิดควรจะเปลี่ยนในวันเดียวกันของแต่ละสัปดาห์รวมเป็นเวลาสามสัปดาห์ หลังจากใช้แผ่นคุมกำเนิดไปแล้วสามสัปดาห์ คุณต้องหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ก่อนใช้แผ่นคุมกำเนิดใหม่ในวันเดียวกันของสัปดาห์ แผ่นคุมกำเนิดใช้เพื่อป้องกันการตกไข่ สามารถหาซื้อแผ่นคุมกำเนิดได้จากร้านขายยาโดยต้องมีใบรับรองแพทย์ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเชื่อถือได้พอกับยาเม็ดคุมกำเนิด

ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว

ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว (Mini pill) ประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ชนิดเดียวคือ

โปรเจสโตเจน ควรใช้ยาตัวนี้ในเวลาเดียวกันของทุกวัน หากลืมใช้ยาจนเลยเวลาไปแล้วเกินกว่า 27 ชั่วโมง จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดเพิ่มเติมสำหรับช่วง 14 วันถัดไป ให้ใช้ยาตามปกติ จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อรับยาตัวนี้

ห่วงคุมกำเนิดประเภท Hormone coils

ห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ (Intrauterine System (IUS) หรือ Intrauterine Device (IUD)) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้สอดเข้าในมดลูกของผู้หญิงโดยแพทย์ การใส่ห่วงคุมกำเนิดอาจให้ความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่อาการดังกล่าวจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หากยังรู้สึกไม่สบาย ให้สอบถามจากแพทย์ ห่วงคุมกำเนิดจะไปขัดขวางการเติบโตของเยื่อบุผนังมดลูก ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเจาะเข้าในเยื่อบุปากมดลูก นอกจากนี้ยังไปขัดขวางไม่ให้เชื้ออสุจิเคลื่อนผ่านปากมดลูก ห่วงคุมกำเนิดสามารถใช้ได้เป็นเวลาหลายปี และเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความน่าเชื่อถือสูง

ยาฝั่งคุมกำเนิด

ยาฝังคุมกำเนิดมีจำหน่ายในนอร์เวย์อยู่สองประเภทด้วยกัน โดยมีขนาดเท่ากับไม้ขีดไฟและประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนสังเคราะห์ ใช้โดยการสอดเข้าใต้ท้องแขนของผู้หญิงเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ฝังตัวยา ยาฝังคุมกำเนิดทำงานโดยป้องกันการตกไข่และส่งผลต่อการสร้างเมือกบริเวณปากมดลูกทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเข้าถึงมดลูกและท่อรังไข่ได้ ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้

ห่วงคุมกำเนิดประเภท Copper coils

?Steinar Myhr/Samfotoห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ (Intrauterine System (IUS) หรือ Intrauterine Device (IUD)) ใช้งานโดยสวมเข้าในมดลูกเหมือนกับห่วงคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้จะขัดขวางไม่ให้ไข่ฝังตัวลงในมดลูกได้ และสามารถขัดขวางเชื้ออสุจิไม่ไห้เคลื่อนเข้าไปในมดลูก ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้ใช้ได้ผลดีเป็นเวลาห้าถึงสิบปี และถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีพอสมควร Copper coils สามารถทำให้ประจำเดือนมีมากกว่าปกติและอาจมีอาการปวดประจำเดือนตามมา

การทำหมัน

การทำหมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคุมกำเนิด ผู้ชายหรือผู้หญิงที่ทำหมันจะไม่สามารถมีบุตรได้ หากทำหมันแล้วการแก้ไขในภายหลังจะทำได้ยาก ดังนั้นจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำหมัน

การคุมกำเนิดฉุกเฉิน

หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงตกไข่ โอกาสในการตั้งครรภ์จะอยู่ที่ 20% หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้วิธีการคุมกำเนิดในช่วงนี้ คุณสามารถซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ที่ร้านขายยา ยาเม็ดเหล่านี้ประกอบด้วยฮอร์โมนในปริมาณสูงซึ่งจะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังจากผ่านไปสามถึงสี่สัปดาห์ เพื่อตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ยาชนิดนี้อาจส่งผลต่อตัวอ่อนหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรืออาจสวมห่วงคุมกำเนิดภายในห้าวันหลังการร่วมเพศที่เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์.

วิธีการคุมกำเนิดที่่่เชื่่อถือไม่ได้

ช่วงปลอดภัย

ตามทฤษฎี เราสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หากไม่มีการร่วมเพศในช่วงที่ผู้หญิงกำลังตกไข่ แต่เป็นวิธีการที่เชื่อถือไม่ค่อยได้เนื่องจากระยะเวลาและรอบเดือนของช่วงการตกไข ่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป

วิธีการหลั่งภายนอก

หากการร่วมเพศถูกขัดขวางก่อนการหลั่งเชื้ออสุจิ อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เชื้ออสุจิบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดก่อนการหลั่งเกิดขึ้น ทำให้เชื้ออสุจิที่ผิวหนังรอบ ๆ ปากมดลูกเคลื่อนตัวเข้าไปในปากมดลูกได้

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
original-cytotec-website

การตั้งครรภ์ ท้อง แพ้ท้อง ตั้งครรภ์

by admin ไม่มีความเห็น

การตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์ คือ ช่วงระยะเวลาเริ่มหลังจากการปฏิสนธิ โดยที่ตัวอสุจิ (sperm) ผสม (conceive) กับ ไข่ (egg)ในสภาวะและเวลาที่เหมาะสม จนถึงการคลอด โดยในมนุษย์ใช้เวลาในการตั้งครรภ์ 36 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน


สภาวะที่เหมาะสมในการเริ่มตั้งครรภ์


1.ไข่ต้องสมบูรณ์

โดยทั่วไปผู้หญิงจะมีไข่เดือนละ 1 ใบ อยู่ในรังไข่ข้างใดก็ได้ ประมาณกึ่งกลางรอบเดือนซึ่งมักจะตรงกับวันที่ 14 หล้งจากวันที่มีประจำเดือนวันแรก ไข่จะเคลื่อนที่เพื่อเตรียมผสม


2.อสุจิต้องแข็งแรงและมีปริมาณมากพอ

ทั้งนี้เพราะกว่าจะไปถึงไข่ อสุจิต้องผ่านสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอด ผ่านโพรงมดลูก ในระหว่างนี้อสุจิบางส่วนอาจวิ่งไปคนละทางกับเป้าหมาย ทำให้เหลืออสุจิรอดไปถึงไข่ได้ไม่มาก สุดท้ายอสุจิที่หาไข่เจอจะต้องมีความสามารถในการเจาะไข่เพื่อผสมได้ด้วย จึงจะเกิดการตั้งครรภ์ โดยปกติไข่1ใบจะผสมกับอสุจิได้เพียง1ตัวเท่านั้น

อาการของการตั้งครรภ์
เมื่อมารดามีการตั้งครรภ์จะมีเริ่มมีอาการที่สังเกตได้ดังต่อไปนี้เช่น การขาดประจำเดือน, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของมารดา ถ้ามีความวิตกกังวลก็อาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้


จะได้รู้ได้อย่างไรว่ากำลังตั้งครรภ์
หากกำลังสงสัยหรือมีประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ หรือมีอาการที่น่าสงสัยดังที่กล่าวมาด้านบน คุณสามารถตรวจทดสอบการตั้งครรภ์ได้ด้วยตัวเอง ปัจจุบันมีอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ขายอยู่ ท่านสามารถซื้อหามาตรวจได้ด้วยตัวเอง

ที่ตรวจครรภ์จะมีทั้งหมด 3 แบบ แบ่งตามลักษณะของการนำชุดตรวจครรภ์ไปใช้ดังนี้


1. ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม (Cassette)

แบบนี้ต้องวิธีการใช้งานคือ ต้องนำปัสสาวะใส่ภาชนะแล้วนำชุดตรวจที่มีลักษณะเป็นแถบกระดาษจุ่มลงไป


2. ที่ตรวจครรภ์แบบหยด (Midstream)

แบบที่สองนี้จะมีวิธีการใช้ โดยการ นำปัสสาวะใส่ภาชนะเช่นกัน แต่จะมีหลอดดูดปัสสาวะ เพื่อนำมาหยดใส่ที่ตรวจครรภ์อีกครั้งหนึ่ง

3. ที่ตรวจครรภ์แบบผ่าน (Strip)

แบบสุดท้ายนี้เป็นแบบที่เรานำที่ตรวจครรภ์ไปจ่อให้ตรงกับปัสสาวะที่เราบ่อยออกมาได้เลย

คำแนะนำสำหรับคุณแม่คนใหม่

  • เมื่อคุณสุภาพสตรีทราบแน่ชัดว่ามีการตั้งครรภ์ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที่ เพื่อให้แพทย์ดูแลทั้งคุณแม่และคุณลูกให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ตลอดระยะเวลา การตั้งครรภ์รวมทั้งจะได้เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหรือความผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้คุณแม่สามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง

การปฏิบัติตนในระหว่างตั้งครรภ์

  • อาหาร เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะอาหารและทุกสิ่งที่คุณแม่รับประทานจะมีผลต่อทารกในครรภ์ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ อาหารที่ควรรับประทานได้แก่ อาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วต่าง ๆ ผักใบเขียว ผลไม้ รวมทั้งยา วิตามินที่ได้รับจากการฝากครรภ์

อาหารที่ไม่ควรรับประทาน

  • ได้แก่ อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด อาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ ของหมักดอง ผงชูรส ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่

การขับถ่าย

  • หญิงตั้งครรภ์มักจะมีปัญหาท้องผูก ซึ่งก็สามารถแก้ไขได้โดยการรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก ๆ ได้แก่ ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ถ้าท้องผูกมาก ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์

การพักผ่อน

  • ควรนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง และควรหาเวลาพักผ่อนบ้างในตอนกลางวัน ไม่ควรยกของหนักและยืนนาน ๆ

การออกกำลังกาย

  • จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี หญิงตั้งครรภ์สามารถทำงานบ้านได้ตามปกติ การเดินเล่นในที่อากาศปลอดโปร่ง บริหารกายด้วยท่าง่าย ๆ เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แต่ไม่ควรหักโหมจนเหนื่อยหรืออ่อนเพลียเกินไป

การดูแลสุขภาพฟัน

  • หญิงตั้งครรภ์มักมีปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุง่าย จึงควรแปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ และพบทันตแพทย์อยู่เสมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพในช่องปาก

เสื้อผ้า

  • ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวม ๆ เลือกใช้ยกทรงที่มีขนาดเหมาะสมใส่สบาย พยุงทรงได้ดี รองเท้าควรเป็นรองเท้าส้นเตี้ย

การมีเพศสัมพันธ์

  • ควรงดในระยะใกล้คลอดหรือเมื่อมีอาการเลือดออก ในรายที่มีปัญหาอื่นควรปรึกษาแพทย์

อาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์ทันที

1.คลื่นไส้อาเจียนมากผิดปกติ
2.มีเลือดออกทางช่องคลอด
3.ตกขาวมาก คันช่องคลอด
4.ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
5.น้ำหนักตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว
6.บวมตามหน้า แขน ขา
7.มีไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด
8.ลูกดิ้นน้อยลง (อย่ารอจนลูกไม่ดิ้น)
9.มีน้ำใส ๆ คล้าย ๆ ปัสสาวะออกทางช่องคลอด
10.ปวดท้องหรือท้องแข็งแกร็งบ่อยมาก
11.สิ่งที่ควรนำมาโรงพยาบาลเมื่อมาคลอด
12.ของใช้ส่วนตัวสำหรับคุณแม่
13.ของใช้สำหรับเด็กอ่อน
14.หลักฐานในการทำสูติบัตร ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้าจดทะเบียน) ชื่อบุตร (จะเป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่นก็ได้)

อาการแสดงว่าใกล้คอลด ควรรีบมาโรงพยาบาล

1.มีมูกเลือดออกมาทางช่องคลอด
2.มีน้ำเดิน
3.มีอาการเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

การคลอด

  • ปรกติเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 9 เดือนเต็ม หรือประมาณ 281 วันจะครบกำหนดคลอด แต่ก็จะมีคุณแม่ประมาณ 4% ที่จะคลอดก่อนกำหนดหรือคลอดหลังกำหนด ซึ่งอาจจะช้าหรือเร็วกว่ากำหนดประมาณ 10 วัน
  • การคลอดก่อนกำหนด หมายถึง การที่คุณแม่คลอดทารกออกมาตอนมีอายุครรภ์ไม่ถึง 40 สัปดาห์ซึ่งเด็กที่เกิดมาส่วนมากจะมีน้ำหนักน้อยกว่า 2500 กรัม
  • การคลอดเกินกำหนด หมายถึง การที่คุณแม่คลอดทารกออกมาช้ากว่ากำหนด เมื่อครรภ์มีอายุครบกำหนดคลอดมากกว่า 10 วัน

อาการผิดปกติของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ที่ควรมาพบแพทย์ทันที


1.มีเลือดออกจากช่องคลอด

เมื่อตั้งครรภ์ประมาณเดือนเศษ คุณแม่บางคนอาจจะมีเลือดออกมาทางช่องคลอดเพียงเล็กน้อย เพียงแค่วันสองวันก็จะเงียบหายไป เป็นเรื่องที่ปกติที่เรียกว่า “เลือดล้างหน้า? แต่ถ้าสามวันแล้วเลือดไม่ยอมหยุด แม้จะออกเพียงแค่กระปิดประปอยก็ตาม คุณแม่ก็ต้อง ไปพบแพทย์แล้ว เพื่อตรวจหาสาเหตุว่า เลือดนั้นออกมาจากตรงส่วนไหน หรือจากอะไรกันแน่ เป็นการตั้งครรภ์ไข่ฝ่อ คือไม่มีตัวเด็กหรือเปล่า หรือว่าเป็นอย่างอื่น เพราะการที่เลือดออกหลายๆ ครั้งในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างแน่นอน

2.อาการปวดท้อง หรือเป็นตะคริว ซึ่งเพิ่มความปวดขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการปวดมากกว่า 24 ชั่วโมง

3.มีน้ำเดิน (สิ่งขับถ่ายทางช่องคลอด) บางครั้งที่น้ำเดินเกิดขึ้นห่างจากวันครบกำหนดคลอดมาก ลูกในครรภ์ก็ยังเล็กอยู่ เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ว่าลูกจะครบกำหนดหรือไม่ ควรรีบไปหาหมอทันที หมอจะทำการตรวจภายในเพื่อดูว่าเยื่อหุ้มลูกแตกหรือไม่ หรือถ้ายังไม่ครบกำหนดคลอด แต่ถ้ามีอาการบ่งบอกมีการติดเชื้อขึ้นมาหมอก็ต้องยุติการตั้งครรภ์ ถึงแม้ยังไม่ครบกำหนดคลอด เพราะเด็กในครรภ์อาจจะติดเชื้อและเกิดอันตรายได้

4.มีไข้สูง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และรักษาต่อไป 

5.ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทานยาแล้วไม่หาย หรือสายตาพร่ามัว

6.อาเจียน อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะจะพบได้ 1 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด มักจะเกิดระหว่างอายุครรภ์ 6-12 สัปดาห์ และจะหายไปเองภายหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเป็นนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นมาก และเป็นตลอดทั้งวัน จนกระทั่งร่างกายได้รับอาหารและน้ำไม่เพียงพอ ทำให้มีผลร้ายอื่นๆ ตามมาจนอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าได้รับการช่วยเหลือและดูแลไม่ทัน

7.ทารกในครรภ์หยุดดิ้นหรือดิ้นน้อยลง

ถ้ามารดารู้สึกว่าทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงหรือลดลง เป็นสัญญาณอันตรายที่มารดาต้องรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไปว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพเป็นอย่างไรและต้องให้การรักษาหรือไม่ ซึ่งการที่ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงมักเกิดร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ และก่อนที่ทารกในครรภ์จะเสียชีวิต 12-48 ชั่วโมงจะพบว่ามารดาจะให้ประวัติว่าทารกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น ดังนั้นการบันทึกหรือนับการดิ้นของทารกในครรภ์จะช่วยในการค้นหาหรือแก้ไขภาวะ ที่อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้

กลับหน้าแรก

Share:
Reading time: 1 min
Page 1 of 212»

Menu

  • ยาสอด ยาขับเลือด cytotec คือ
  • ยากิน ยาทำแท้ง RU486 คือ
  • ขั้นตอนการสั่งซื้อ
  • เกี่ยวกับเรา
  • ชนิดของยาแต่ละตัว
  • วิธีเลือกใช้ยาสอดหรือยากิน
  • วิธีการใช้ยาและผลข้างเคียง
  • วิธีคำนวณอายุครรภ์
  • ถามตอบปัญหายุติการตั้งครรภ์

อายุครรภ์

  • ยาขับเลือด ยาสอด ยุติการตั้งครรภ์ สำหรับ อายุครรภ์ 0-2 เดือน
  • ยาขับเลือด ยาสอด ยุติการตั้งครรภ์ สำหรับ อายุครรภ์ 2-3 เดือน
  • ยาขับเลือด ยาสอด ยุติการตั้งครรภ์ สำหรับ อายุครรภ์ 3-4 เดือน
  • ยาขับเลือด ยาสอด ยุติการตั้งครรภ์ สำหรับ อายุครรภ์ 4-5 เดือน
  • ยาขับเลือด ยาสอด ยุติการตั้งครรภ์ สำหรับ อายุครรภ์ 5-6 เดือน

บทความทั่วไป

  • การตั้งครรภ์ ท้อง แพ้ท้อง ตั้งครรภ์
  • การคุมกำเนิด (Birth Control)
  • ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ postinor
  • ยาคุมกำเนิด ยาคุม ไดแอน ฮอร์โมน
  • ยาสตรี สตรีแบนโล ยาขับประจำเดือน พวกนี้ทำแท้งได้จริงไหม
  • เรียนรู้วางแผนครอบครัวอย่างถูกต้อง

วัยรุ่น-เพศศึกษา

  • การนับหน้า 7 หลัง 7
  • หลังข้างนอกจะท้องไหม
  • มีเพศสัมพันธ์ให้ถูกวิธีอย่างปลอดภัย
  • ท้องลม…ท้องหลอก เป็นยังไง

ถามตอบปัญหา

  • ยาสอด มีชื่อทางการแพทย์ว่าอะไร
  • ตรวจตั้งครรภ์มาผลออกมาว่าไม่ท้อง จะมั่นใจได้อย่างไร
  • จะทราบได้อย่างไรว่าแท้งสมบูรณ์แล้ว
  • ยังไม่พร้อมมีบุตร แต่พลาดท้องแล้ว มีวิธีทำแท้งแบบไหนและมีผลข้างเคียงไหม
  • ยาสอดมีกี่แบบ หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง
  • ขั้นตอนการใช้ cytotec + mifepristone
  • หากใช้เพียงแค่ยาสอดอย่างเดียวจะสามารถทำแท้งได้สำเร็จไหม
  • การทำแท้งแบบดูด คืออะไร
  • ช่วยแนะนำสถานที่ทำแท้งให้หน่อย

ตรวจสอบหมายเลขพัสดุ

เรื่องล่าสุด

  • กลุ่มต่อต้านทำแท้งเผยกฏหมายห้ามส่งยาผ่านไปรษณีย์
  • การเยียวยาที่บ้านสำหรับการทำแท้ง: ความเสี่ยงและสิ่งที่ต้องรู้
  • สหรัฐจะใช้การทำแท้งช่วยคนในแอฟริกา
  • ความก้าวหน้าของศูนย์พยาบาลผดุงครรภ์
  • รัฐไอโอวา,มิสซิสซิปปีและเทนเนสซี ออกกฏหมายย่อยเกี่ยวกับการทำแท้ง

ความเห็นล่าสุด

    คลังเก็บ

    • เมษายน 2022
    • ตุลาคม 2021
    • เมษายน 2021
    • กรกฎาคม 2020
    • กุมภาพันธ์ 2020
    • พฤศจิกายน 2019
    • สิงหาคม 2019

    © 2019 copyright PREMIUMCODING // All rights reserved
    Lavander was made with love by Premiumcoding